ปวดเมื่อย ตามร่างกายเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า หรือ ปวดกล้ามเนื้อ หลายคนอาจเลือกใช้ ครีมทาแก้ปวด หรือ ยาทาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวด แต่คำถามที่มักเกิดขึ้นคือ "เรียกแบบไหนถูกต้องกันแน่? ครีมแก้ปวด หรือ ยาทาแก้ปวด?"
ความจริงแล้ว "ครีมทาแก้ปวด" และ "ยาทาแก้ปวด" ต่างก็เรียกได้ถูกต้องทั้งสองแบบ
คำว่า "ครีม" มักใช้เรียกผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อครีม มีส่วนผสมของน้ำและ/หรือน้ำมัน มีลักษณะข้นเหนียว ใช้สำหรับทาผิวหนัง ส่วน คำว่า "ยา" หมายถึง สารเคมีหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการรักษาหรือบรรเทาอาการเจ็บป่วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น ในปัจจุบัน มีส่วนผสมหรือสารเคมีบางอย่างที่ทาง อย. ไม่ได้กำหนดว่าเป็น “ยา” อยู่ในส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ทาแก้ปวด ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น จึงถูกเรียกว่า “ครีมแก้ปวด” แทนคำว่า “ยาแก้ปวด” นั่นเอง แต่ที่สุดแล้ว ก็ถือเป็นผลิตภัณฑ์ใช้สำหรับการบรรเทาอาการปวดเช่นกัน
การเลือกใช้ ครีมทาแก้ปวด หรือ ยาทาแก้ปวด ควรพิจารณาจาก
- สาเหตุของอาการปวด : หากเกิดจากการอักเสบ ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรือ ไดโคลฟีแนก (Diclofenac)
- ความรุนแรงของอาการปวด : หากอาการปวดรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาที่เหมาะสม
- ชนิดของครีม : ครีมบางชนิดอาจมีกลิ่นหรือสัมผัสที่ไม่เหมาะสมกับผิวของบางคน ควรเลือกชนิดที่เหมาะกับผิวของตัวเอง เช่น ผิวบาง ควรเลือกใช้ครีมที่เนื้อครีมบางเบา ไม่แสบร้อนผิว เป็นต้น
- คำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร : ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับอาการและสภาพร่างกายของตัวเอง
สิ่งสำคัญ คือ ไม่ควรใช้ ครีมทาแก้ปวด หรือ ยาทาแก้ปวด เป็นเวลานาน โดยไม่ได้
รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้
สุดท้ายนี้ การเรียก "ครีมทาแก้ปวด" หรือ "ยาทาแก้ปวด" ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เท่ากับ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง และควรปรึกษาแพทย์
หรือเภสัชกรก่อนตัดสินใจใช้ยาใด ๆ
#ลดปวดเข่า #เข่าเสื่อม #ข้อต่อ #ครีมทาแก้ปวด #ยาแก้ปวด